เครื่องวัดความเงา (Gloss Meter) คือ เครื่องวัดคุณสมบัติการสะท้อนแสงบนพื้นผิวของวัตถุ วัตถุที่ใช้ทดสอบมีหลากหลายประเภทซึ่งมีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น อโลหะ (Non-metal) มีคุณสมบัติการสะท้อนมากเมื่อมุมในการวัดมาก ๆ(วัดจากเส้นตั้งฉากวัตถุ) หรือ โลหะ (Metal) มีคุณสมบัติการสะท้อนแสงได้มากที่มุมเล็ก ๆ เห็นได้ว่าวิธีการวัดความเงาจึงมีมุมที่แตกต่างกันไปตามประเภทวัตถุทดสอบ
การประยุกต์ใช้งาน Gloss meter มีใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับควบคุมคุณภาพสินค้าในภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ สแตนเลส เป็นต้น
ส่วนประกอบของเครื่องวัดความเงา (Glossmeter)
โดยทั่วไปแล้ว เครื่องวัดความเงา (Glossmeter) จะมีส่วนประกอบดังนี้
1. หลอดไฟ (Lamp) ทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดแสงฉายลงบนผิวทดสอบ โดยแสงจากหลอดไฟนั้นต้องผ่านเลนส์ 2 ชั้นเพื่อควบคุมลักษณะแสงที่ตกกระทบผิวทดสอบให้เป็นเส้นขนานดังรูป
2. Filter Detector ทำหน้าที่ตรวจวัดแสงที่สะท้อนจากผิวตัวอย่าง

หน่วยการวัดความเงาของ Gloss meter
หน่วยการวัดความเงาใช้สัญญลักษณ์ GU (Gloss Unit) ในอุตสาหกรรมีที่วัดความเงาในช่วง 0-100 GU ได้แก่ อุตสาหกรรมพลาสติก เคลือบสี (Non-matallic Coating) ส่วนอุตสาหกรรมที่วัดความเงาวัสดุที่มีความเงาสูงกว่า เช่น กระจกเงา ต้องใช้Gloss meter ที่มีย่านการวัดความเงาสูงถึง 2000 GU หากวัสดุที่มีความเงาสูงกว่า 2000 GU เช่น วัสดุโปร่งใส จะไม่ใช้หน่วยวัด GU แต่จะใช้เป็น ค่าเปอร์เซนต์ของแสงที่ตกกระทบ
ุมุมที่ใช้วัดความเงา (Gloss angle)
มุมที่ใช้วัดความเงาโดยทั่วไปแล้วมีอยู่ 3 มุม คือ 20 , 60 , 85 ซึ่งการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามความสามารถในการสะท้อนแสงของวัตถุ โดยสามารถดูได้จากตารางต่อไปนี้

ตัวอย่าง เมื่อวัดค่าความเงาเริ่มที่ 60 ํ ได้ค่าความเงามากกว่า 70 GU ควรเปลี่ยนมุมการวัดไปที่ 20 ํ แต่ถ้าความเงาน้อยกว่า 10 GU ควรเปลี่ยนมุมการวัดไปที่ 85 ํ
บางมาตรฐานอาจไม่ได้มีการวัดเพียง 3 มุม โดยมีมุม 45 ํ และ 75 ํ เข้ามาด้วย มุม 45 ํ จะใช้วัดกับเซรามิก หนัก สิ่งทอและอลูมิเนียม ส่วนมุม 75 ํ ใช้วัดกับกระดาษและวัสดุพิมพ์ต่างๆ สามารถดูรายละเอียดจากตาราง ข้างล่าง

ABALLTECHNO CO.,LTD.